สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (อังกฤษ: Liverpool Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล เทศมณฑลเมอร์ซีไซด์ ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษครองแชมป์ดิวิชัน 1 ถึง 18 ครั้ง ครองแชมป์ยูโรเปียนคัพ 5 ครั้ง ยูฟ่าคัพ 3 ครั้ง ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 3 ครั้ง และฟุตบอลคัพซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศอังกฤษ อีก 8 ครั้ง
ก่อตั้งในปี ค.ศ.1892 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลลีกในปีต่อมา ลิเวอร์พูลใช้สนามแอนฟิลด์ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือช่วงทศวรรษ 1970 - 1980 เมื่อบิลล์ แชงคลีและบ็อบ เพลสลี่ย์พาทีมคว้าแชมป์ลีก 11 ครั้ง และคว้าถ้วยรางวัลยูโรเปียน 7 ใบ
สโมสรได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมที่สำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกที่โศกนาฏกรรมเฮย์เซลเมื่อปี ค.ศ. 1985 แฟนฟุตบอลทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันส่งผลให้อัฒจันทร์พังลงมา มีผู้เสียชีวิต 39 คน เป็นแฟนบอลยูเวนตุสชาวอิตาลี 32 คน, เบลเยียม 4 คน, ฝรั่งเศส 2 คน, และไอร์แลนด์ 1 คน และส่งผลให้ลิเวอร์พูลถูกสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปแบนเป็นเวลา 6 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 เกิดโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรแฟนบอลของลิเวอร์พูล 96 คนเสียชีวิต เนื่องจากมีคนแออัดเข้ามาชมเกมมากเกินความจุจึงทำให้อัฒจันทร์ยืนได้พังลงมา
ลิเวอร์พูลมีการแข่งขันที่ยาวนานกับสโมสรเพื่อนบ้านอย่าง เอฟเวอร์ตันและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูลเปลี่ยนจากเสื้อสีแดงและกางเกงขาสั้นสีขาวเป็นสีแดงเต็มตัวเมื่อเล่นเป็นทีมเหย้าในปี ค.ศ. 1964 มีฉายาในภาษาไทยว่า "หงส์แดง" พร้อมด้วยคำขวัญ "You'll Never Walk Alone" วันนี้เราจะมารู้จักกับ 10 นักเตะระดับตำนานของ "ลิเวอร์พูล"
1. เรย์ คลีเมนซ์
เราสามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า เขาคือนายทวารที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของ ลิเวอร์พูล โดย คลีเมนซ์ รับใช้ “หงส์แดง” ตั้งแต่ปี 1967-1981 และประสบความสำเร็จยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, ดิวิชั่น 1 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และยูฟ่า คัพ 1 สมัย
อดีตนายด่านทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นให้ทีมดังแห่งเมอร์ซี่ไซด์ไปทั้งหมด 665 เกม และทำสถิติไม่เสียประตูถึง 323 นัด และยังคงทำให้ “เดอะ ค็อป” คิดถึงได้เสมอ
2. บิลลี่ ลิดเดลล์
หากมองถึงนักเตะในยุคปัจจุบัน สไตล์การเล่นของ ลิดเดลล์ จะคล้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มากที่สุด
อดีตดาวเตะสก็อตแลนด์ เป็นซุปเปอร์สตาร์ของ “หงส์แดง” ในยุค 50 ถึงขนาดทำให้ ลิเวอร์พูล ถูกเรียกใหม่ว่า “ลิดเดลล์พูล” เลย ซึ่งคนที่โชคดีเกิดทันเห็นการเล่นของ จะบอกว่าลิดเดลล์ มีพรสวรรค์สูงส่งครบสมบูรณ์และสามารถเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของโลกได้
หากมองถึงนักเตะในยุคปัจจุบัน สไตล์การเล่นของ ลิดเดลล์ จะคล้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มากที่สุด ซึ่งความยอดเยี่ยมของเขา ก็ประมาณที่ “ซีอาร์7” ทำได้ทุกวันนี้ โดยทั้งคู่เล่นปีกเหมือนกัน เล่นได้ดีทั้งสองเท้า ยิงได้คม และเกิดมาเพื่อเป็นสุดยอดตำนานตัวจริง
น่าเสียดายเพียงที่ ลิดเดลล์ เกิดในยุคที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่ใหญ่มาก และไม่มีโอกาสเล่นบอลยุโรปเท่าไร เพราะหากเกิดช้าอีกหน่อย ป่านนี้ เหล่า “เดอะ ค็อป” คงประกาศว่า “พวกข้าเป็นแชมป์ยุโรป 14 สมัยแล้ว” (ฮ่าๆ)
3. รอน ยีสต์
บิลล์ แชงคลีย์ ยกย่อง ยีสต์ ว่า เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่พา ลิเวอร์พูล จาก ยักษ์หลับของอังกฤษ ให้กลายเป็น ยอดทีมของยุโรป ตัวจริง
“การมีเขายืนหน้าปากประตู เราสามารถบุกได้หล่อและเท่เหมือน อาเธอร์ อาสกรี้(นักแสดงชื่อดังในยุคนั้น)” แชงคลีย์ อธิบายความรู้สึกเมื่อมี ยีสต์ ยืนคุมแนวรับ
ผลงานที่โดดเด่นของ อดีตปราการหลังเลือดสก็อต ก็คือ การพา “หงส์แดง” เลื่อนชั้นกลับสู่ดิวิชั่น 1 ในปี 1961 ได้ ซึ่งนั่นเปรียบเสมือนหลักฐานที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จได้ในเวลาต่อมา
4. หลุยส์ ซัวเรซ
ต้องยอมรับตามตรงว่า กองหน้าชาวอุรุกวัย คือ หนึ่งในสุดยอดนักเตะคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล
วีรกรรมสุดฉาวของ ซัวเรส ทั้ง การกัดคู่แข่ง, คดีกับ ปาทริซ เอวร่า, การขอย้ายไป อาร์เซนอล ซึ่งสุดท้ายย้ายไปเล่นในสเปน และทิ้งทีมไว้กลางทาง อาจไม่ทำให้ แฟนๆหงส์แดง มีความสุขมากนัก
ทว่า ต้องยอมรับตามตรงว่า กองหน้าชาวอุรุกวัย คือ หนึ่งในสุดยอดนักเตะคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณกันให้มากมาย
ความน่าผิดหวังอย่างเดียวก็คือ การที่ทีมพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในซีซั่น 2013/14 ทั้งๆที่ ซัวเรส เป็นดาวเด่นที่สุดในลีก แต่จะว่าไปจะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะคนที่น่าเขกกะโหลกที่สุด(และเจ็บใจเองที่สุด) คือ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่กำลังจะโผล่ออกมาในอีกไม่กี่ข้อข้างล่างนี้นะครับ
5. จอห์น บาร์นส์
ความสุขุม, ทักษะ, ความเร็ว, ความแข็งแกร่ง และความสามารถของ บาร์นส์ คือ พรสวรรค์ที่ยากจะหาใครเปรียบได้ ซึ่งในยุคนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้ดั่งเขาในอังกฤษ
แม้กระทั่งปัญหาการเหยียดสีผิวที่กำลังคุกคามในยุคนั้น ก็ต้องยอมแพ้ บาร์นส์ โดยตอนแรกนั้น เขาถูกโห่ในหลายสนามที่ลงเล่น แต่สุดท้าย ปีกนิลกาฬ ก็ใช้ฟุตบอลสยบฝีปากของเหล่าแฟนบอลนิสัยไม่ดีได้อย่างงดงาม
เมื่ออายุมากขึ้น ความเร็วน้อยลง ทำให้ บาร์นส์ หันมาเล่นในตำแหน่งตัวคุมเกม และยังคงอยู่ในวงการลูกหนังจนกระทั่งวันนี้
บรรยาย ประตูของ บาร์นส์ วิมเบิลดัน
6. เควิน คีแกน
เจ้าของฉายา “มิคกี้ เม้าส์”‘ ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เล่นหมายเลข 7 ที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร
เจ้าของฉายา “มิคกี้ เม้าส์”‘ ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เล่นหมายเลข 7 ที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร โดย คีแกน มีทั้งความเร็ว พละกำลัง และเทคนิคที่ยอดเยี่ยม
อันที่จริง สามารถบอกได้ว่า “คิงเคฟ” คือ ซุปเปอร์สตาร์แห่งยุคของเขา และแฟนๆ “หงส์แดง” ก็โกรธ คีแกน มากที่เลือกจะย้ายออกไปเล่นกับ ฮัมบูร์ก ในปี 1977 และหากพวกเขาได้อยู่ด้วยกันต่อ เชื่อได้เลยว่า ทั้งคู่อาจจะประสบความสำเร็จด้วยกันมากกว่านี้ก็เป็นได้
7. อลัน แฮนเซ่น
สาเหตุที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ใหญ่คับยุโรปได้ในช่วงยุค 80 คือ การมีปราการหลังอย่าง แฮนเซ่น ยืนคุมแนวรับอยู่ ทั้งยังสามารถทำเกมรุกช่วยทีมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยนักวิจารณ์หลายคนที่เคยดู อดีตดาวเตะชาวสก็อต เล่น ถึงกับยกย่องว่า ฝีเท้าเกมรุกของเขาอยู่ในระนาบเดียวกับ โคตรตำนานอย่าง บ็อบบี้ มัวร์ หรือ ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ เลยทีเดียว
จุดเด่นของ แฮนเซ่น คือ การอ่านเกมที่แม่นยำและการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นทำให้เขาตัดบอลสวยๆได้เป็นประจำ นอกจากนี้ อดีตกองหลังเลือดวิสกี้ ยังมีวิชั่นการจ่ายบอลไม่แพ้กองกลางคนไหน ทั้งยังมีความแม่นยำ ชนิดที่เรียกว่า เปอร์เซ็นต์จ่ายบอลดีสูงกว่าอีกหลายคน
และตั้งแต่วันที่ แฮนเซ่น ลาทีมไป แอนฟิลด์ ก็ไม่เคยได้ต้อนรับกองหลังที่เก่งขนาดนั้นอีกเลย
8. เอียน รัช
image: https://images.cdn.fourfourtwo.com/sites/fourfourtwo.com/files/styles/inline-image/public/rush_inl.png?itok=rJlspCy2
รัช มีทุกอย่างที่กองหน้าควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความคม ความโหด และเซนส์การทำประตูที่สุดยอด
สถิติ 346 ประตูของ รัช ยังไม่มีใครทำลายลงได้ จนกระทั่งวันนี้ ซึ่งนั่นก็ตอบได้เป็นอย่างดีว่า ทำไม ตำนานชาวเวลส์ ถึงเข้ามาติดอันดับเช่นนี้
รัช มีทุกอย่างที่กองหน้าควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความคม ความโหด และเซนส์การทำประตูที่สุดยอด และการที่ ลิเวอร์พูล มีเขา ทำให้ทุกอย่างมันง่ายไปหมด
9. สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ไม่ต้องบรรยายสำหรับ เด็กหนุ่มท้องถิ่นเลือดสเก๊าเซอร์คนนี้ ผู้ที่มอบทุกอย่างในชีวิตให้กับทีมรัก
เจอร์ราร์ด ได้แชมป์ทุกอย่างมาแล้วกับ ลิเวอร์พูล เว้นเพียงแต่ถ้วยเดียวที่เขาหมดโอกาสไปแล้ว ซึ่งรับรองว่า ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่สิบปี เรื่องราว “ลื่น” ในวันนั้น ก็จะถูกเล่าขานอย่างคลาสสิคตลอดไป
ทว่า ขวัญใจหมายเลข 8 ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เพราะที่ผ่านมา เขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และการได้เป็นคนชูถ้วยยุโรปในค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบลูก็จะอยู่ใจ “เดอะ ค็อป” ตลอดกาล
น่าสงสารเพียงที่ อดีตกัปตันทีม รายนี้ อดปิดฉากชีวิตไว้ที่ แอนฟิลด์ เพียงที่เดียว…
10. เคนนี่ ดัลกลิช
“เดอะ คิง” ของปวงประชาหงส์แดงตัวจริง ทั้งในฐานะกุนซือและนักเตะ
โดยสมัยเป็นผู้เล่น ดัลกลิช จัดเป็น ดาวยิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นตัวจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมที่สุดยอด เรียกได้ว่า มีความสามารถแบบทูอินวัน เลยทีเดียว
ส่วนการเป็นกุนซือนั้น ผลงานก็สุดยอดเช่นกัน นำโดย แชมป์ลีกสามสมัย และถ้วยต่างๆอีกมากมาย น่าเสียดายเพียงอย่างเดียว คือ การกลับมาเมื่อปี 2011 นั้นไม่สวยงามอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี แต่ “คิง เคนนี่” ก็จะเป็น “เดอะ คิง” ของ “เดอะ ค็อป” ตลอดไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น